การจัดฟัน (Orthodontics)

เป็นการรักษาทางทันตกรรมที่มีจุดมุ่งหมายในการปรับตำแหน่งฟันและการเรียงตัวของฟันให้สวยงามและอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม การจัดฟันสามารถช่วยแก้ไขปัญหาการสบฟันที่ผิดปกติ ฟันเก ฟันห่าง และฟันซ้อน ซึ่งทำให้เกิดปัญหาในเรื่องการบดเคี้ยว การพูด และอาจส่งผลต่อสุขภาพช่องปากในระยะยาว

ประเภทของการจัดฟัน

  1. การจัดฟันแบบโลหะ (Metal Braces):
    • เป็นการจัดฟันที่ใช้เครื่องมือจัดฟันแบบโลหะที่ติดอยู่บนฟัน มีลวดและยางรัดที่ทำหน้าที่ดึงฟันให้อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ
    • ข้อดีคือ มีความทนทานและเหมาะสำหรับการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน แต่มีข้อเสียคือสีของโลหะที่มองเห็นได้ชัดเจน
  2. การจัดฟันแบบเซรามิก (Ceramic Braces):
    • ใช้วัสดุเซรามิกที่มีสีใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ ทำให้เครื่องมือจัดฟันดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
    • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้ดูไม่โดดเด่น แต่เซรามิกอาจแตกง่ายกว่าโลหะและมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า
  3. การจัดฟันแบบดามอน (Damon Braces):
    • เป็นเครื่องมือจัดฟันที่ไม่ต้องใช้ยางรัด โดยจะใช้กลไกพิเศษในการรัดลวด ทำให้เคลื่อนฟันได้เร็วและสบายกว่าแบบโลหะ
    • มีความสบายมากกว่าและลดเวลาการเข้าพบทันตแพทย์ แต่มีราคาค่อนข้างสูง
  4. การจัดฟันแบบใส (Clear Aligners):
    • ใช้ชุดเครื่องมือจัดฟันแบบใส (เช่น Invisalign) ที่สามารถถอดออกได้ ช่วยให้ฟันเรียงตัวได้ดีโดยไม่ต้องใช้ลวดและยาง
    • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสวยงามระหว่างการจัดฟัน แต่ไม่เหมาะสำหรับกรณีที่มีปัญหาฟันซ้อนมาก ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
  5. การจัดฟันแบบด้านใน (Lingual Braces):
    • เครื่องมือจัดฟันจะถูกติดด้านหลังฟัน ทำให้มองไม่เห็นจากด้านหน้า
    • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการซ่อนเครื่องมือจัดฟัน แต่มีข้อเสียคือทำความสะอาดยากและอาจรู้สึกไม่สบายในช่วงแรก

ขั้นตอนการจัดฟันอย่างละเอียด

  1. การตรวจและประเมินสภาพฟัน:
    • ทันตแพทย์จะตรวจสอบสภาพฟันและขากรรไกร รวมถึงการถ่ายภาพเอ็กซเรย์เพื่อประเมินปัญหา เช่น ฟันเก ฟันห่าง การสบฟัน และการเรียงตัวของฟันทั้งหมด
    • ทันตแพทย์จะวางแผนการรักษาและเลือกรูปแบบการจัดฟันที่เหมาะสมกับผู้ป่วย
  2. การพิมพ์ฟันและการถ่ายภาพ:
    • ทันตแพทย์จะพิมพ์แบบฟันของผู้ป่วยเพื่อนำไปใช้ในการทำเครื่องมือจัดฟัน หรือทำเครื่องมือแบบใสที่เหมาะสมกับโครงสร้างฟัน
  3. การติดเครื่องมือจัดฟัน:
    • ทันตแพทย์จะเริ่มติดเครื่องมือจัดฟันตามชนิดที่เลือก เช่น การติดเหล็กจัดฟันและลวด หรือการมอบเครื่องมือจัดฟันแบบใสให้กับผู้ป่วย
    • ในกรณีที่เป็นเหล็กจัดฟัน จะต้องมีการเปลี่ยนยางรัดลวดเป็นประจำ
  4. การปรับเครื่องมือจัดฟันตามรอบนัด:
    • ผู้ป่วยจะต้องมาพบทันตแพทย์เป็นประจำทุก ๆ 4-6 สัปดาห์ (ขึ้นอยู่กับแผนการรักษา) เพื่อปรับลวดและความตึงของเครื่องมือจัดฟัน
    • การปรับเครื่องมือเป็นการช่วยเคลื่อนฟันให้อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ ซึ่งอาจทำให้รู้สึกตึงหรือปวดในช่วงแรก ๆ
  5. การดูแลรักษาและทำความสะอาด:
    • การจัดฟันต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เพราะการแปรงฟันและการใช้ไหมขัดฟันจะยากขึ้น ควรใช้แปรงสีฟันและอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อการทำความสะอาดฟันที่จัดฟันโดยเฉพาะ
    • หลีกเลี่ยงอาหารแข็ง เหนียว หรือหวานที่อาจทำให้เครื่องมือเสียหายได้
  6. การถอดเครื่องมือจัดฟัน:
    • เมื่อฟันเรียงตัวสมบูรณ์ตามที่ต้องการแล้ว ทันตแพทย์จะถอดเครื่องมือจัดฟันออก และทำความสะอาดฟัน รวมถึงอาจขัดฟันให้เรียบเนียน
  7. การใส่รีเทนเนอร์ (Retainer):
    • เพื่อป้องกันไม่ให้ฟันกลับมาเบี้ยวหรือเคลื่อนที่อีกครั้งหลังการจัดฟันเสร็จ ทันตแพทย์จะทำรีเทนเนอร์ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้เพื่อรักษารูปฟันให้คงที่ โดยอาจเป็นแบบใสถอดได้หรือแบบติดแน่น
    • ผู้ป่วยควรใส่รีเทนเนอร์ตามคำแนะนำของทันตแพทย์เพื่อให้ผลการจัดฟันคงทนในระยะยาว

ข้อควรระวังและคำแนะนำระหว่างการจัดฟัน

  • หมั่นทำความสะอาดฟันและเครื่องมืออย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดโอกาสเกิดฟันผุหรือเหงือกอักเสบ
  • หลีกเลี่ยงการกัดอาหารแข็งหรือเหนียว เช่น น้ำแข็ง ลูกอม เนื่องจากอาจทำให้เครื่องมือเสียหายได้
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำและนัดหมายพบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อการรักษาที่ได้ผลดี

การจัดฟันจะช่วยให้ฟันเรียงตัวสวยงามและเสริมสุขภาพช่องปากให้ดีขึ้น โดยอาจใช้เวลารักษาตั้งแต่ 1-3 ปี ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล

Scroll to Top